Friday, August 31, 2018

มาทำความรู้จักกับ AI (Artificial Intelligence) ในฐานะผู้บริโภคกัน

เป็นผู้บริโภคยุคนี้ ต้องตื่นรู้กันหน่อยนะคะ ไม่ต้องถึงกับบรรลุธรรม แต่ต้องรู้ทันเทคโนโลยีกันหน่อย แม้เราจะไม่รู้เรื่องอะไรเลยเกี่ยวกับการทำธุรกิจ แต่ชีวิตเราทุกวันนี้มีธุรกิจอยู่รอบล้อมตัวเราและเห็นเราเป็น....อะไรดีล่ะ..คิดแบบดาร์คๆ ก็คงจะบอกว่า เป็นเหยื่ออันโอชะ ..คิดแบบโลกสวยดูดี.. ก็ต้องเรียกว่า เป็นลูกค้า และลูกค้าก็คือพระเจ้า.อย่างที่นักการตลาดเขาชอบพูดกัน
แต่จะเรียกอะไรก็แล้วแต่ ผู้บริโภคคือลูกค้าของแบรนด์หรือองค์กร และแบรนด์หรือองค์กรสมัยนี้ก็พยายามหาวิธี "เจาะใจ" หรือ "เดาใจ" หรือทายใจ หรือพยายามทำความเข้าใจ และพยายามมาเป็นคน "รู้ใจ" เราให้ได้ เขาจะรักเราหรือเปล่า เราไม่รู้ แต่เขาจะพยายาม เดาใจ เจาะใจ ทำความเข้าใจ เรายิ่งกว่าแฟนอีกค่ะ แน่ละ แม้เราจะไม่รู้จักกันแต่หากเขาเข้าใจพฤติกรรมเรา ชนะใจเรา ก็เข้าทางเขาและเราก็จะเป็นลูกค้าที่จงรักภักดีต่อแบรนด์ไปโดยปริยาย

หนึ่งในกลวิธีที่องค์กรพยายามจะมาเจาะใจเราให้ได้คือ การตรวจจับ สังเกตสังกาหาแนวทางความประพฤติของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งพฤติกรรมในการใช้สื่อออนไลน์ทั้งหลายแหล่ ในทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นทางเว็บ ทางโซเชี่ยล มีเดีย ทางแอพพลิเคชั่น หรือทางไหนก็แล้วแต่ที่ผ่านมือเรา โดยเฉพาะมือถือนี่ตัวดีเลย อย่าคิดว่าข้อมูลอยู่ในมือเรา มือถือของเราคือเรื่องส่วนตัวของเรา ใครเขาจะมาเอาไปไม่ได้ คิดผิดคิดใหม่และตื่นรู้กันได้แล้วค่ะ

วิธีการที่องค์กรกำลังนำมาใช้ สอดส่องและสำรวจพฤติกรรมเชิงดิจิตัลคือ เทคโนโลยี ที่เรียกว่า AI หรือ Artificial Intelligence หรือเรียกภาษาไทยสวยๆ ว่าปัญญาประดิษฐ์นั่นเองค่ะ

จากการไปร่วมฟังเสวนามาหลายๆ ที่ ขอสรุปให้เข้าใจกันง่ายๆ ว่า....

เวลานี้องค์กรหลายๆ กำลังใช้ AI เทคโนโลยีเข้ามาแอบแฝงสำรวจพฤติกรรมการใช้ชีวิตของเรา แอบสอดส่องดูว่า เรากำลังทำอะไร เวลาไหน คุยกับใคร สนใจอะไร ดูเนื้อหาอะไร ชอบซื้อของแบบไหน ทำธุรกรรมกับใคร ใช้ชีวิตอย่างไร ชอบไปไหน ชอบกินอะไร ชอบอยู่กับใคร ฯลฯ

ค่ะ เรื่องของเราที่เราคิดว่าเป็นความลับ จึงไม่ลับอีกต่อไปแล้ว แม้คนรอบตัวเราอาจไม่รู้ แต่พระเจ้า AI เขารู้ค่ะ ..ถามว่าเขารู้จากอะไร ก็จากการที่เราใช้ชีวิตผูกพันเกี่ยวข้องกับโลกออนไลน์ แบบแยกขาดจากกันไม่ได้อย่างทุกวันนี้ไง ผ่านคอมพิวเตอร์ เข้าอินเตอร์เนต ผ่านโทรศัพท์มือถือ ผ่านแอพพลิเคชั่นต่างๆ นั่นไง
ด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้ AI รุกคืบเข้ามามีบทบาทในชีวิตยุคดิจิตัลของเราและจะมีมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะองค์กรกำลังพยายามนำเอา AI มาสอดส่องเราอยู่ทุกขณะจิต ตามติดชีวิตกันทุกฝีเก้า แค่พกพามือถือติดตัวเราไว้ เขาก็รู้แล้วว่าเราอยู่ที่ไหน

ถามว่า เราจำเป็นจะต้องกลัวหรือไม่ ไม่จำเป็นนะคะ เพียงแต่ต้องติดอาวุธทางปัญญา รู้เท่าให้ทันโลกดิจิตัล ตั้งรับพร้อมกับปรับตัวตามมันไปค่ะ แล้วใช้ประโยชน์จากสิ่งเหล่านี้ให้ดี ใช้ให้เป็น เราก็เป็นนาย ใช้ไม่เป็นเราก็ตกเป็นทาส เหมือนการใช้เครดิตการ์ด ถ้าเราใช้เป็นเราก็ได้ส่วนลด เอาแต้มไปแลกของมาใช้ได้อีก แต่ถ้าใช้ไม่เป็นเราก็เป็นหนี้ วิธีคิดมันก็ง่ายๆ แค่นี้เอง

มองในแง่ดี การเข้ามาของเทคโนโลยีสมัยใหม่ ได้ทำให้ชีวิตเราสะดวกง่ายดายขึ้นในหลายๆ อย่าง อย่างเช่นการทำธุรกรรมกับธนาคาร เดี่ยวนี้เราทำได้ด้วยแอพพลิเคชั่นบนมือถือ โดยไม่ต้องเสียเวลาไปที่สาขาของธนาคาร เราสามารถซื้อของได้ โดยไม่ต้องชำระด้วยเงินสดและไม่จำเป็นต้องไปที่ร้าน เราแค่นั่งใช้เงินอยู่กับบ้าน และจากที่ที่เราอยู่เราก็สามารถติดต่อกับเพื่อนที่อยู่คนละฟากโลก ราวกับอยู่ข้างบ้าน

แล้วเราจะอยู่อย่างรู้เท่าทันเทคโนโลยี และโลกของการเจาะข้อมูลนี้ได้อย่างไร ก็แค่เพิ่่มความระมัดระวังในการใช้สักหน่อย ข้อมูลส่วนตัวอะไร โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการเงินส่วนบุคคล อย่าไปแชร์ อย่าไปใส่ ก่อนจะทำอะไร อ่านให้ถ้วนถี่ก่อน อย่างการเล่นเกมบนออนไลน์ ที่มาถามก่อนว่า จะเล่นเกมนี้ แล้วเขาขออนุญาตเข้าถึง (access) ข้อมูลสารพัดสิ่ง ก็อย่าไปเล่นค่ะ เป็นการป้องกันตัวเองไว้ในเบื้องต้นก่อน แต่ถ้าป้องกันตัวเองอย่างเต็มที่ แล้วมีเกิดมีปัญหาโดนแฮ็กข้อมูลให้เดือดร้อนกันอีก เห็นทีต้องเช็คดวง แล้วก็ตัวใครตัวมันล่ะค่า

ขอให้โชคดี ใช้ชีวิตในโลกยุุคดิจิตัลอย่างเท่าทันกันนะคะ

สวัสดี..:)

No comments:

Post a Comment